เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี

 เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี

                        
สวัสดีค่ะ 

วันนี้จะมารีวิว (เล่าให้ฟัง) เรื่องการเดินทางไปเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี
โดยส่วนตัวไปมา รวมปีนี้ก็ 4 ปีติดแล้วค่ะ
แต่ปีที่แล้ว พลาดตรงไปรถส่วนตัว + เป็นวันหยุด คนเยอะ ฝนตก เขาปิด ! เลยไม่ได้ขึ้น 
เอาเป็นไปว่า ไป 4 ครั้ง แต่ได้ขึ้นสักการะพระบาท 3 ครั้ง ละกันเน้อะ ^ ^ 

สำหรับคนที่ไม่เคยไปนะคะ
แนะนำว่าให้ไปช่วง จันทร์-พฤหัส คนจะน้อย เดินสบายมากค่ะ

ตัว จขกท. เอง อยู่รังสิตค่ะ
เคยเดินทาง 3 แบบด้วยกัน 
1. ทัวร์รถตู้ 
2. ทัวร์ขสมก.
3.รถส่วนตัว

โดยส่วนตัวแล้วชอบแบบทัวร์รถตู้ค่ะ 
การเดินทางจะมีให้เลือกเดินทางทั้ง เช้าและกลางคืน มีทุกวัน 

ส่วนทัวร์ ขสมก. จะเดินทางในช่วงเช้า ของวันเสาร์ (ถ้าจำไม่ผิด)

และรถส่วนตัว รถส่วนตัวบอกเลยว่าเข็ดค่ะ ! ครั้งเดียวพอ 
เพราะ การเดินทางโดยรถส่วนตัว จะต้องซื้อบัตรรถเพื่อที่จะขึ้นเขาเอง 
ซึ่งผู้คนที่รอซื้อบัตรขึ้นเขาเยอะมากกกกกกกกกก ยิ่งถ้าเป็นช่วงวันหยุด 
บางคนอาจใช้เวลา 4-5 ชม. เพื่อรอขึ้นเขา 

ทัวร์ ขสมก. และรถตู้ จะรับซื้อบัตรให้เราในช่วงแรกค่ะ 
ลงจากรถแล้วก็จ่ายเงินกับคนขับ แล้วรอขึ้นเขาได้เลย 
ไม่ต้องไปรอซื้อบัตรเอง (สะดวกดีค่ะ)

ส่วนเรื่องการเดินขึ้นเขา 
ส่วนตัวชอบเดินตอนกลางคืนมากกว่าค่ะ ช่วงเวลาเที่ยงคืนถึงเช้ามืด อากาศเย็นสบายดี คนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่
ปีที่ 2 ที่ไปกับ ขสมก. ขึ้นเขาตอนกลางวัน คนเยอะ แน่นมากก ยืนแบบตัวติดกัน หายใจแทบไม่ออก 
ถอดใจอยู่หลายครั้ง คิดว่าคงขึ้นไปไม่ถึง เราเดินทางกัน 3 คน ในปีนั้น 
มี ยาย หลาน และก็เรา ช่วงเวลาเดินขึ้นเขาอึดอัดมาก ผู้คนเบียดเสียดกัน จนเรา 3 คนหลง ! หากันไม่เจอ
เราไปเจอกับยายอีกที ที่รอยพระบาท ส่วนหลานมาเจอกันอีกทีที่รถ 
ครั้งนั้นทำเอาเราค่อนข้างเข็ดกับการเดินทางตอนกลางวันนะ เลยคิดว่าจะไม่ขึ้นเขาในช่วงเสาร์อาทิตย์ เด็ดขาด !

รูปบางส่วนในตอนปีที่ไปกับ ขสมก.นะคะ ช่วงกลางวัน ฝนตก 
คนเยอะมากกกกกจริงๆ 

.
พอมาปีนี้ เราวางแผนตั้งแต่สิ้นปีค่ะ ว่าจะไปช่วงไหน
เราเลือกเดินทางในคืนวันพฤหัสที่ 12 กุมภา ค่ะ 
และแน่นอนเราเดินทางโดยทัวร์ของรถตู้ค่ะ 
ครั้งนี้มีเพื่อนร่วมเดินทาง 1 คน  
นัดรถตู้มารับหน้าเซียร์รังสิต ตอน 18.30 ค่ะ

และรถตู้ก็ไปวนรับคนที่ บีทีเอสหมอชิต และหน้าม.หอการค้า จนครบ 
และออกเดินทางไปจังหวัดจันทบุรี
ระหว่างทางหลับตลอดเลยค่ะ ตื่นมาอีกทีอยู่ตรงจุดพักรถ (ไม่แน่ใจว่าจุดไหนนะคะ) 
พี่คนขับก็ให้แวะทำธุระส่วนตัวได้ 30 นาที 

พักรับประทานอาหาร ทำอะไรเสร็จก็เดินทางต่อค่ะ 
มาถึงวัดพลวง บริเวณจุดจอดรถ ประมาณ เที่ยงคืนครึ่งค่ะ
บรรยากาศค่อนข้างเย็น และคนน้อยที่สุดเท่าที่เคยมา 
มีเก้าอี้พับ และเตียงนอนให้เช่านอนด้วยนะเออ ดีมากกกค่ะ 
กะว่าลงเขามาจะมาเช่านอนสักหน่อย คิคิ


ปกติมามีแต่คนรอขึ้นรถ ครั้งนี้รถต้องจอดรอคน (เพื่อขึ้นเขา) 

เราก็จัดการจ่ายเงินกับคนขับรถตู้ 60 บาท เพื่อขึ้นเขาในต่อที่ 1 

ระหว่างขึ้นเขามีหมอกจางๆ บรรยากาศดีมากค่ะ 

และต้องลงมาต่อรถอีก 1 ครั้ง คราวนี้ต้องซื้อตั๋วเองค่ะ
แต่สบายๆ คนไม่เยอะค่ะ ซื้อแล้วขึ้นรถเลย ! 
ลองเปรียบเทียบดูนะคะ อันนี้ปีนี้ที่ไป วันพฤหัส คนน้อยมากก

รูปนี้ปีแรกที่ไป คืนวันเสาร์ คนค่อนข้างเยอะแล้วค่ะ (รูปเบลอนิดนึง กล้องโบราณ)


ต่อค่ะ 
เราชอบนั่งหลังค่ะ มันนนนมาก เสียวได้แบบไม่ต้องไปดรีมเวิลลลลล ฮ่าฮ่าฮ่า

ต่อไปเป็นบรรยากาศในการขึ้นเขานะคะ
รูปนี้ จุดแรกของการเดินเลยค่ะ 

คนโล่งเลยค่ะ 






หมอกเริ่มลงแล้วค่ะ 

ระหว่างการเดินทาง เราจะเห็นศิลปะแบบนี้อยู่ตลอดทาง 

   

ใกล้ถึงแล้วค่ะ ^O^

ถึงแล้ววว


บรรยากาศดีมากค่ะ ด้านบน 
นั่งพักถ่ายรูปกันสักพัก ก็ออกเดินทางต่อค่ะ 

ปีนี้ตั้งใจจะขึ้นไปให้ถึงจุดผ้าแดง 
ไปได้ถึงครึ่งทาง .....
เพื่อนผู้ร่วมเดินทาง นางไม่ไหว อ้วกแตกตั้งแต่ยังไม่ถึงลานพระบาท 
นั่งพักตลอดทาง ใช้เวลาในการขึ้นเขาเกือบ 2 ชั่วโมง 
เดี๋ยวแวะ เดี๋ยวพัก เดี๋ยวอ้วก ฮ่าฮ่า
แผนเลยล่มค่ะ แต่ยังไม่หมดความพยายามนะคะ 
ปีหน้าจะไปอีก และขึ้นไปให้ถึงจนได้ เท่

แผนล่ม เราเลยเดินทางลงดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันคนอื่นเขา
ขาลงไวมาก ใช้เวลารวมไม่ถึง 1.30 ชม.
ลงจากเขามาถึงจุดนัดประมาณตี 5 
เหลือบไปเห็นร้านนวด ชั่วโมงละ 150 บาท เลยเอาสะหน่อย
หลับไปได้ 1 ตื่น ก็มาจุดนัด ล้างหน้าแปรงฟัน 
แล้วก็เดินทางไปวัดเขาสุกิมต่อค่ะ 

ตามกำหนดการของทางทัวร์ คือ ลงจากเข้าแล้วเดินทางไปวัดเขาสุกิม 
เสร็จแล้วไปอ่าวคุ้งวิมานค่ะ 
เลยไปได้อาหารเช้าอยู่ที่นั้น ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ 



พออิ่มแล้ว หนังตาก็หย่อนสิค่ะ 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น